วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

กฎระเบียบแม่ชีวัดท้าวโคตร

กฎระเบียบแม่ชีวัดท้าวโคตร

๑. แม่ชีทุกคนต้องอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าอาวาส

๒. แม่ชีจะใช้สิทธิครอบครองสมบัติของสงฆ์มาเป็นของตนไม่ได้

๓. แม่ชีทุกคนจะต้องช่วยกันเอาใจใส่ดูแล รักษาและรับผิดชอบสมบัติของสงฆ์ที่ตนใช้และอยู่อาศัย ถ้าทำส่วน

ใดขาดตกบกพร่อง แตกหัก ทำลายไปต้องชดใช้เท่าที่เสียไป สำหรับที่อยู่อาศัยถ้าส่วนใดชำรุด ผุพัง

ก็ต้องจัดการซ่อมแซมโดยไม่ปล่อยปละละเลย

๔. แม่ชีจะปลูกหรือก่อสร้างอะไรลงไปในธรณีสงฆ์ ต้องถวายเป็นของสงฆ์จึงจะปลูกสร้างลงไปได้

๕. แม่ชีต้องคัดเลือกตัวบุคคลของแม่ชีเองขึ้นมารับผิดชอบต่อหมู่คณะ

๖. แม่ชีที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมานั้นต้องอยู่ภายใต้ดุลพินิจของเจ้าอาวาสด้วย

๗. ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อหมู่คณะของตน

๘. ผู้ที่จะมาขอบวชกับแม่ชีท่านหนึ่งท่านใด ต้องไปพบกับหัวหน้าเพื่อขอใบรับสมัคร และระเบียบการของวัด

๙. แม่ชีผู้เป็นหัวหน้าต้องรับผิดชอบฝึกฝนผู้ที่มาติดต่อขอบวชนั้น ให้เป็นที่ถูกต้องของสถาบันแม่ชีแล้ว จึง

นำไปรับศีลขอบวช

๑๐. แม่ชีต้องท่องจำและเข้าใจข้อห้ามแห่งศีลที่ตนรักษานั้นได้ทุกข้อ และถือเป็นข้อวัตรปฏิบัติเป็นศีล

๑๑. ถ้าพลั้งเผลอผิดพลาดในศีลข้อใด ต้องแสดงโทษแห่งความผิดพลาดของตนให้ที่ประชุมได้ทราบในทุกวันโกน

๑๒. สำหรับผู้บวชใหม่ ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของหัวหน้า

๑๓. ในกรณีที่ไม่รู้หนังสือต้องขวนขวายขอความช่วยเหลือจากเพื่อนพรหมจรรย์ ให้ฝึกกันจนกว่าจะจำและ

เข้าใจจนไม่ละเลย และหลังจากที่รับคำสั่งนี้แล้ว ห้ามหัวหน้าแม่ชีรับผู้ที่ไม่รู้หนังสือเข้ามาบวช (เว้นใน

กรณีที่บวชแก้บนและยอมรับกฎระเบียบนี้ได้เท่านั้น แต่ต้องสึกคามที่กำหนดไว้)

๑๔. ถ้าแม่ชีท่านใดที่บวชครบกำหนดแล้วแต่ศรัทธาที่จะอยู่ประพฤติพรหมจรรย์กันต่อไป หัวหน้าต้องส่งเสริม

เกื้อกูลให้เป็นอยู่ต่อไป

๑๕. หัวหน้าต้องไม่แสดงถึงความรังเกียจ เบียดบัง กีดกัน บีบคั้น หรือการกระทำใดๆที่มิชอบมิควรต่อผู้ที่อยู่

ภายใต้การปกครอง ที่มิได้กระทำผิดและบกพร่องในกกระเบียบ

๑๖. แม่ชีต้องไม่ออกไปเที่ยวอย่างสะเปะสะปะด้วยเหตุที่ไม่จำเป็น ถ้าต้องไปค้างคืนต้องกราบลาและแจ้ง

จุดประสงค์ พร้อมกับอบกุญแจห้องให้ด้วย

๑๗. ถ้าแม่ชีท่านใดออกจากวัดไปเกิน เดือน ถือเป็นการสละสิทธิ์ที่พักของตน หัวหน้าจะจัดให้ใครอยู่ก็ได้

อย่างหมดเงื่อนไข

๑๘. ผู้ออกไปแล้ว ถ้าจะมาอยู่ใหม่ต้องอยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าหรือเจ้าอาวาส

๑๙. ถ้าแม่ชีท่านใดที่บวชอยู่นาน เกิดการขาดแคลนในปัจจัยสี่ หรือช่วยตัวเองไม่ได้ในกรณีใดๆ หัวหน้าต้อง

ช่วยพิจารณาสงเคราะห์ท่านผู้นั้นด้วยเหตุอันควร

๒๐. ถ้าแม่ชีท่านใดชอบความสันโดษ ต้องการออกภิกขาจารย์ เพื่อให้ชีวิตเป็นอยู่เนื่องด้วยผู้อื่นต้องประพฤติ

ตามวินัยของสงฆ์ที่ว่าด้วยบิณฑบาตอย่างถูกต้อง ถ้ากระทำมิได้ให้งดการกระทำนั้นเสีย

๒๑. แม่ชีบวชอยู่ประจำ ต้องท่องจำทำวัตร เช้า-เย็น อุปกิเลสและสาราณียธรรมให้ได้ และหัวหน้าต้องเอาใจ

ใส่ทดสอบให้ได้

๒๒. แม่ชีที่ไม่ผ่านการศึกษาธรรม ตรี-โท-เอก ต้องเข้าเรียนตามข้อบังคับของวัด สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าเรียน

ได้ หัวหน้าแม่ชีต้องรับผิดชอบในการจัดฝึกอบรมเป็นพิเศษ เน้นเรื่องคิหิปฏิบัติให้เป็นที่เข้าใจ

๑๒. ผู้ที่จะจัดฝึกหัดมาเป็นประธานนำสวด ต้องเลือกสรรบุคคลที่เหมาะสม ที่บุคคลส่วนใหญ่ยอมรับ และต้อง

จำบทสวดนั้นได้ด้วย

๒๔. แม่ชีที่ออกรับนิมนต์จากบุคคลภายนอก ต้องแต่งตัวอย่างสุภาพ มีความสังวรระวังในกริยามารยาทเป็น

อย่างดีและต้องจำบทที่สวดนั้นให้คล่อง

๒๕. แม่ชีท่านใดออกไปทำในสิ่งที่มิดีมิควรอย่างขาดความละอายใจ อันเป็นเหตุนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อหมู่

คณะ ให้ทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตาแนะนำเสนอในที่ประชุมด้วย

๒๖. แม่ชีต้องนัดประชุมเพื่อรับสุข-ทุกข์-ผิด-ถูก-บกพร่อง หรือร่วมปรับปรุงแก้ไขในเรื่องต่างๆ อันเป็น

ประโยชน์ต่อส่วนรวม ทุกๆวันโกนโดยพร้อมเพรียงกัน

๒๗. ในกรณีที่สงฆ์ขอความช่วยเหลือในทางที่ถูกที่ควรแล้ว แม่ชีต้องให้ความร่วมมืออย่างไม่ดุแคลน

๒๘. ถ้าแม่ชีท่านใดฝ่าฝืนในกฎระเบียบที่กล่าวมาแล้วหรือบกพร่อง ในเรื่องอื่นใดๆ อันเป็นเหตุมิควรให้

หัวหน้าเรียกมาตักเตือนสั่งสอนเป็นการส่วนตัว

พระครูวรวิริยคุณ

เจ้าอาวาสวัดท้าวโคตร

๑๐ ธันวาคม ๒๕๔๐

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น